DE

Dream Constitution
เสียงของเยาวชนถึงรัฐธรรมนูญในฝัน

Dream Constitution in Thammasat

Dream Constitution in Thammasat

© FNF Thailand

เยาวชนกว่า 60 คนได้มาร่วมกันออกแบบ “รัฐธรรมนูญในฝัน” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้เข้าร่วม 3 คนร่วมแบ่งปันความคิด มุมมอง และความประทับใจจากกิจกรรมครั้งนี้

ประนีประนอมเพื่อทางออกอย่างสันติ

Natthawat Klubket

ณัฐวัตร กลับเกตุ (ผู้เขียน)

© FNF Thailand

รัฐธรรมนูญในฝัน” เป็นแนวคิดที่ส่วนตัวเคยคิด ได้ยิน และรับรู้จากสื่อ การเคยไปเข้าร่วมกิจกรรมที่ เกี่ยวข้องกับเรื่องประมาณนี้ หลายครั้งเป็นแค่การมานั่งฟังคนไม่กี่คนพูดแล้วก็กลับไป แยกย้าย หลายครั้งมี การแลกเปลี่ยนความคิดเป็นวงพูดคุย แต่ก็ไม่มีการบันทึกหรือยืนยันว่าความคิดเหล่านั้นจะได้รับการสานต่อ ทำให้เรามองเห็นว่าสิ่งที่เกิดกับสิ่งที่เคยคิด ว่ารัฐธรรมนูญในผัน คือการรวมความเห็น ความคิดและพลังจาก ผู้คนที่มีความหวังว่ารัฐธรรมนูญของใครหลายคนนั้น เป็นหน้าตาอย่างไรให้ประโยชน์อย่างไรต่อตนและ ประเทศ แต่หลายครั้งที่ผ่านมาเหมือนแค่การมาเสนอ แต่ไม่ได้รับการสนอง จนกลับมาตั้งคำถามกับกิจกรรม เหล่านี้ว่า“มันใช่อย่างที่เราคิดจริงๆหรือ” จนได้มาเข้าร่วมกิจกรรมProject Dream Con @ TU ที่จัดโดยทาง FNF ร่วมกับเครือข่ายทั้งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และWeVis ก็พบว่ามันยังมีมุมมองใหม่ๆต่อ แนวคิดเรื่องการสร้างรัฐธรรมนูญในฝัน ในมุมของคนที่ก็ชอบแนวคิดรัฐธรรมนูญนิยมเป็นพื้น ก็รู้สึกเปิดโลก และได้มองรัฐธรรมนูญผ่านเลนส์ใหม่ที่ใกล้ตัว แต่กลับมองได้ไกลและชัดเจนยิ่งขึ้น

กิจกรรมก็เริ่มจากการแนะนำกระบวนกรและเครือข่ายที่มาร่วมกิจกรรมนี้ จากนั้นก็เริ่มให้จับกลุ่มแล้ว แลกเปลี่ยนพูดคุยและเสนอแนวคิดกัน โดยเริ่มจากการมองประเทศไทยที่ผ่านมา และสิ่งที่อยากเห็นในอนาคต เพื่อนๆผู้เข้าร่วมหลายท่านก็มองในภาพอดีตคล้ายๆกันถึงปัญหาความไม่เสมอภาคของสังคม ความพยายาม ปลูกฝังแนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง และรัฐธรรมนูญที่ปกครองคนทั้งประเทศแต่ถูกเขียนด้วยคนไม่กี่คน และ มองเห็นถึงรัฐธรรมนูญในอนาคตที่อยากให้ยืดหยุ่น เสมอภาค ปลอดช่องโหว่แต่ก็แก้ไขได้ผ่านกลไกเดียวกัน หลังจากให้แต่ละคนทำของตัวเองแล้วมานำเสนอ กระบวนกรก็ให้แต่ละกลุ่มออกแบบรัฐธรรมนูญในฝันร่วมกัน จากการที่มีการเสนอความเห็น ก็ทำให้กลุ่มเราได้ตกผลึกและเลือกที่จะวาดรัฐธรรมนูญในฝันซึ่งเป็นอนาคต ผ่านมุมมองในอดีตของไทยคือหลัก 6 ประการ ของคณะราษฎรที่ว่าด้วยเอกราช ความปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ และการศึกษา แน่นอนว่ายิ่งคนเยอะขึ้น ความแตกต่างหลากหลายของความคิดมากขึ้น การสร้างรัฐธรรมนูญในความเป็นจริงเอง ยิ่งมากคนก็มากความเห็นเช่นกัน และสุดท้าย ทุกคนต้อมรวมกัน สร้างรัฐธรรมนูญในฝันของทุกคน คนนับ 50 คนต้องมาทำงานร่วมกัน ทำให้พบว่านอกจากจะมีความ หลากหลายเพิ่มขึ้น ในสภาวการณ์นั้นจึงจำเป็นต้องมีกระบอกเสียงขึ้นมาเพื่อรวบรวมความคิดเห็นและ สังเคราะห์ออกมาเป็นสิ่งๆเดียว แต่อย่างที่อาจารย์วรรณภา ติระสังขะได้กล่าวไว้ในตอนท้าย ว่าในสังคมความ เป็นจริง มีทั้งคนถือไมคโครโฟนที่เสียงดัง มีทั้งคนที่คอยเป็นทีมหลังบ้านอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนความ คิดเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าใครจะเหนือกว่าใคร แต่เราทุกคนเท่ากัน และต้องมีการประนีประนอมเพื่อหาข้อ ยุติอย่างสันติ โดยในการออกแบบ ก็ได้พบว่าทรัพยากรที่จะใช้สร้างนั้น แท้จริงแล้วมีอยู่จำกัด จำเป็นต้อง แบ่งปันกันและกันและใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุด เช่นเดียวกับในความเป็นจริงที่ทุกคนต้องสามัคคีกันเพื่อผลักดันหื คสามฝันเป็นจริงได้ และก็ได้ออกมาเป็นรัฐธรรมนูญในฝันของผู้เข้าร่วม ที่เล่านผ่านมุมมองของหลักการ พื้นฐาน สวัสดิการสังคม ระบบราชการ เศรษฐกิจ ทรัพยากร และเรื่องอื่นๆที่ไม่ควรละเลยอย่างเทคโนโลยีเป็น ต้น ก็สำเร็จไปได้ด้วยดีผ่านพลังของทุกคน

ลืมบอกไปเลยว่ากิจกรรมนี้น่าสนใจอย่างมากตรงที่การใช้เลโก้มาบอกเล่าความคิด ตัวต่อที่เป็นของ เล่นวัยเด็กที่อาจดูธรรมดา กลับสามารถสะท้อนแนวคิด ความเห็น สังเคราะห์ออกมาเป็นภาพที่ชัดเจน เป็น ครั้งแรกที่สามารถย่อยเรื่องที่ดูเข้าถึงยาก ให้ง่ายขึ้นและจับต้องได้จริงๆ เป็นครั้งแรกที่ได้ลองทำกิจกรรมด้วย กระบวนการนี้ซึ่งน่าตื่นเต้นมาก และหวังว่าจะได้มาร่วมกิจกรรมในลักษณะนี้อีก เพราะมันเป็นการเปิดโอกาส ให้เสนอความเห็นได้อย่างอิสระเต็มที่ ขอบคุณทางFNFและเครือข่ายมา ณ ที่นี้ด้วย

ณัฐวัตร กลับเกตุ

นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง ชั้นปีที่ 2

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โอกาสในการออกแบบอนาคตของประเทศไทย

kwin veeravanichpattana

กวิน วีระวนิชย์พัฒนา (ผู้เขียน)

© FNF Thailand

ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมเวิร์กช็อป “รัฐธรรมนูญในฝัน” เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ตอนที่ผมได้พบกับผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความหวังในการเปลี่ยนแปลง ข้างหน้ามีป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “รัฐธรรมนูญในฝัน” ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมาจากหลากหลายพื้นเพ บางคนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย บางคนเป็นนักเรียนมัธยม และบางคนก็เป็นบัณฑิตที่สนใจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้การแลกเปลี่ยนความเห็นเป็นไปอย่างน่าสนใจและหลากหลาย

แม้ว่าอากาศจะร้อน แต่ทุกคนก็มาด้วยใจเดียวกัน คืออยากเข้าใจและจินตนาการถึงรัฐธรรมนูญที่ดีกว่าสำหรับอนาคตที่ดีกว่า กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการฟังบรรยาย ผู้เชี่ยวชาญได้พูดถึงความสำคัญของรัฐธรรมนูญที่มีต่อชีวิตประจำวันของเรา และในประเทศไทย ตั้งแต่เริ่มมีประชาธิปไตย การเมืองภายในประเทศก็ไม่เคยมั่นคงเลย ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมากกว่า 20 ฉบับ หรือเฉลี่ยประมาณ 1 ฉบับในทุก ๆ 5 ปี สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อทั้งคุณภาพชีวิตของประชาชนและความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก หากไม่มีรัฐธรรมนูญที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เราก็ไม่อาจหลุดพ้นจากวังวนเดิมที่วนเวียนระหว่าง “รัฐธรรมนูญใหม่ → เกือบเป็นประชาธิปไตย → รัฐประหาร → การประท้วง” ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย

หลังจากบรรยายจบ เราก็ได้พักเบรกสั้น ๆ ระหว่างพัก ผมได้คุยกับผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ถึงคำถามว่า “รัฐธรรมนูญที่ดีควรเป็นอย่างไร” ซึ่งเราต่างเห็นตรงกันในประเด็นหนึ่ง คือ รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นเอกสารที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่ได้ยืนอยู่ข้างประชาชนหรือประชาธิปไตย หลายคนแบ่งปันความเห็นว่า ประเทศไทยเคยมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงมาแล้วในอดีต นั่นคือ “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปี 2540” ซึ่งกลายมาเป็นเป้าหมายขั้นต่ำของเราสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต

หลังจากส่วนของทฤษฎี ก็ถึงเวลาลงมือทำ พวกเราแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม และได้รับโจทย์ให้สร้างสัญลักษณ์แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วยตัวต่อเลโก้ พร้อมอธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงสร้างออกมาในรูปแบบนั้น กลุ่มของผมเลือกสร้างเป็นรถถัง แสดงถึงกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ บางกลุ่มสร้างเป็นคนสองคนยืนอยู่คนละด้านและสูงไม่เท่ากัน แทนความเหลื่อมล้ำของอำนาจระหว่างประชาชนกับอำนาจที่ไม่ชอบธรรม บางกลุ่มสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยใช้เลโก้หลายสี เพื่อสื่อถึงความแตกแยกในระบบการเมืองไทยและในสังคม

ต่อจากนั้น เราได้พูดคุยกันถึงสังคมที่เราอยากมี และสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญควรรับรองไว้ ซึ่งนำไปสู่การร่วมกันออกแบบรัฐธรรมนูญในอุดมคติของเยาวชน กลุ่มของผมตัดสินใจสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยล้อมรอบด้วยผู้คนที่ยืนอยู่ในระดับเท่ากัน แสดงถึงความเท่าเทียมกันในการเป็นตัวแทนและการได้รับสิทธิอย่างเป็นธรรมของพลเมืองทุกคน จากนั้นเราได้ร่วมกันเพิ่มเติมรายละเอียดลงไปในผลงาน พร้อมอธิบายความหมายของแต่ละชิ้นส่วน และขณะที่เลโก้ถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ความเข้าใจของเราต่อคำว่า “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ก็ชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน

เมื่อถึงเวลานำผลงานของแต่ละกลุ่มมารวมกันเป็นภาพรวมของ “รัฐธรรมนูญในฝัน” กลุ่มต่าง ๆ ก็ได้นำเสนอแนวคิดของตน ซึ่งจากการฟัง ฉันพบว่า หลายแนวคิดนั้นมีอยู่ในรัฐธรรมนูญปัจจุบันอยู่แล้ว เช่น การศึกษาฟรีจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น สิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข หรือข้อกำหนดว่ารัฐต้องจัดสรรงบประมาณไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ถูกบังคับใช้อย่างแท้จริงภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 สุดท้าย ฉันได้เขียนโปสการ์ดส่งถึงผู้มีหน้าที่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ่ายทอดความฝันและเสียงของฉันเพื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

หากคุณเคยรู้สึกว่า “การเมืองไม่ได้เป็นตัวแทนของคุณ” นี่คือโอกาสของคุณที่จะส่งเสียง ผมขอเชิญชวนทุกคน โดยเฉพาะเยาวชน ให้มาร่วมเวิร์กช็อปในครั้งถัดไป แบ่งปันความฝันของคุณ และส่งเสียงของคุณให้ได้ยิน เพราะด้วยกัน เราสามารถสร้างรัฐธรรมนูญที่คู่ควรกับอนาคตของประเทศไทยได้

 

กวิน วีระวนิชย์พัฒนา

วิทยาลัยสหวิชาการ สาขาวิชาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 3,

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

รัฐธรรมนูญเพื่อทุกคน

Arfan Doloh

อัรฟาน ดอเลาะ (ผู้เขียน)

© FNF Thailand

เราอยู่กลุ่มที่ 4 มีสมาชิกในกลุ่ม 9 คน ในตอนแรกที่เรามารวมกันทุกคนต่างนิ่งเงียบใส่ทำเพียงพูดแนะนำชื่อและสถาบัน อาจเพราะเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อเราได้โจทย์แรกที่กำหนดให้ประกอบเลโก้ในการสื่อหรือสะท้อนถึงรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ทุกคนก็จดจ่อในการประกอบเลโก้ของตัวเอง

ในขณะที่ผมประกอบเลโก้ ผมก็รู้สึกแปลกใจเพราะมองว่าเลโก้เป็นของเล่นวัยเด็ก ไม่คิดว่ามันสามารถนำมาประยุกต์และสร้างสรรค์ในรูปแบบที่กล่าวถึงการเมือง การปกครอง หรือรัฐธรรมนูญ

เมื่อถึงเวลาของการนำเสนอ จะเห็นได้เลยว่าการนำเสนอของทุกคนมีความหลากหลายของเนื้อหาและประเด็น บางคนประกอบเลโก้ในรูปแบบขั้นบันไดที่สะท้อนถึงชนชั้นทางสัมคม ความเหลี่อมของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการ การศึกษา การเข้าถึงทรัพยากรของประเทศ บางคนก็ประกอบเลโก้เป็นพานรัฐธรรมนูญโดยใช้สีเขียวเป็นฐานของรัฐธรรมนูญ สื่อถึงที่มาของรัฐธรรมนูญมาจากกองทัพหรือการรัฐประหาร ถึงแม้จะมีการลงประชามติ แต่ขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่เริ่มต้น

นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงพรรคการเมือง สถาบันต่างๆ ประชาชนมีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน และมีการใช้เลโก้ในการนำเสนอเชิงโครงสร้างของรัฐที่รวมศูนย์อำนาจ ขาดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ความล้มเหลวของระบบกลไกการตรวจสอบรัฐบาล นิติบัญญัติ องค์กรอิสระ รวมถึงที่มาก็ขาดความเชื่อมโยงกับประชาชน 

การนำเสนอของแต่ละคนทำให้เห็นถึงความคิดที่คล้ายคลึงและแตกต่างกันไปตามประเด็นที่ตนเองสนใจ หรือสิ่งที่ตนเองได้ประสบพบเจอในชีวิตประจำวัน ใครจะไปคิดว่าเลโก้ ของเล่นวัยเด็ก จะสามารถเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันผ่านการออกแบบและสะท้อนมุมมองของแต่ละคนได้เมื่อเราได้โจทย์ว่าด้วยรัฐธรรมนูญในใฝ่ฝัน ทุกคนก็ต่างสร้างสรรค์ของตนเองขึ้นมาอีกครั้ง

มีอยู่ชิ้นงานหนึ่ง ถ้าไม่ได้มองอย่างลึกซึ้งก็จะเห็นเพียงชิ้นส่วนเลโก้หลากสีที่นำมาต่อให้สูงขึ้น แต่เมื่อเจ้าของชิ้นงานได้อธิบายถึงสิ่งที่ตนประกอบขึ้นมา เขาบอกว่าไอเดียนี้คืออนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย สีที่หลากหลายเป็นตัวแทนของพรรคการเมือง องค์กรอิสระ กองทัพ ประชาชน เด็ก และเยาวชนที่ร่วมกันสร้างรัฐธรรมนูญ ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกคน มันจะออกมาดูสดใส่และหลากสี สะท้อนถึงความหลากหลายทางความคิด ความถนัดและการอยู่ร่วมกันในการเชื่อมั่น ร่วมกันรักษารัฐธรรมนูญ สส. สว. สสร. มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน

นอกจากนี้มีการพูดคุยถึงรัฐธรรมนูญที่ใฝ่ฝันที่แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้านสวัสดิการ คมนาคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อกำหนดให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ และการรับประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้เราทุกคนก็ต่างพูดถึงอนาคตที่เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ในสังคมที่เต็มไปด้วยการเคารพซึ่งกันและกัน

เมื่อทุกคนมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ประมาณ 40 - 50 คน เราได้รับโจทย์ให้ทุกคนร่วมออกแบบรัฐธรรมนูญในฝัน ระหว่างนั้นแต่ละคนก็อยากพูดในสิ่งที่ตนเองอยากทำ เป็นการจำลองรูปแบบจริงของสังคมในกิจกรรมดังกล่าว ภายใต้สถานการณ์นั้นจึงมี Facilitator ที่คอยรวบรวมและสรุปประเด็น ทุกคนได้มีโอกาสในการแสดงความคิดเห็นและกำหนดประเด็นของตนเองขึ้นมา มีทั้งในประเด็นสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ประเด็นเศษรฐกิจและสังคม ประเด็นระบบราชการ ประเด็นโครงสร้างของรัฐ และประเด็นอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในทั้ง 4 ประเด็น เพื่อมีส่วนร่วมในการออกแบบรัฐธรรมนูญของเราร่วมกัน

รัฐธรรมนูญที่เราใฝ่ฝัน คือ รัฐธรรมนูญที่มีโครงสร้างอำนาจของรัฐ เชื่อมโยงกับประชาชน ประชาชนสามารถตรวจสอบ เข้าถึงได้ จะไม่มีประชาชนหรือผู้คนถูกทอดทิ้งจากความมั่นคงและความเจริญในสังคมไทยเป็นรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ การศึกษาที่ทันสมัย มีอาชีพมีงานทำ เข้าถึงทรัพยากรที่เท่าเทียมกัน ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนา เพศ และชาติพันธุ์ การส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อมาปรับใช้ในการปกครองเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการมีส่วนร่วมของประชาชนกับพรรคการเมือง สถาบันการเมือง องค์กรอิสระ

เลโก้ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งสี ขนาด รูปทรง ฯลฯ เปรียบเหมือนการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่สามารถให้ใคร บุคคลใด คณะใดทำได้เพียงลำพัง อีกทั้งสะท้อนถึงบริบทในความเป็นจริงที่ทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด แต่การที่เรา ช่วยกันออกแบบเลโก้ สามารถหยิบยืมเลโก้จะกลุ่มที่ทำต่างประเด็นได้ เหมือนเป็นน้ำใจที่คอยช่วยเหลือกัน ทำให้เห็นว่า แม้มันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด แต่มันล้วนเกิดจากการมีส่วนร่วมและความตั้งใจของทุกคน

การประกอบเลโก้ อาจจะไม่มีความหมายด้วยซ้ำ หากปราศจากการเชื่อมโยงมันเข้าด้วยกัน ด้วยความคิดสร้างสรรค์  จินตนาการ การสื่อสารระหว่างกัน ที่ช่วยกันประกอบเลโก้ชิ้นเล็ก ๆ ให้กลายเป็นผลงานที่มีความหมาย

รู้สึกดีมาก ๆ ที่มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมนี้ เพราะไม่ใช่แค่เราได้เป็นผู้ฟัง แต่ยังได้แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์ของรัฐธรรมนูญและสังคมปัจุบัน รวมถึงแนวทางการแก้ไขในอนาคต พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยแลกเปลี่ยน จุดประกายมุมมองใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังได้เข้าใจปัญหาของรัฐธรรมนูญในหลายมิติ และที่สำคัญ เราได้เรียนรู้ว่ารัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องของนักการเมืองเท่านั้น แต่มันคือเรื่องราวในชีวิตประจำวันของทุกคน ได้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ก็มีสิทธิและศักยภาพในการร่วมออกแบบอนาคตของสังคมและประเทศ

 

อัรฟาน ดอเลาะ

นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4

มหาวิทยาลัยรามคำแหง